สรุปคะแนน A-level ย้อนหลัง 3 ปี (2565-2567)

น้องหลายคนคงกำลังวางแผนสอบA-levelว่าต้องได้คะแนนเท่าไรดี ถึงจะสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยแต่ละปี?

วันนี้พี่เลยรวบรวมข้อมูลคะแนนสอบ A-Level ของแต่ละปีย้อนหลังไป 3 ปี (ปี65 – 67)

เพื่อให้น้องๆคิดวางแผนและเตรียมตัวสอบ A-level จากคะแนนสอบที่ผ่านมา ใช้ในการเตรียมตัวสอบครั้งหน้าแล้ววางเป้าหมายให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดว่าคะแนนแต่ละปีเป็นยังไงบ้างเพิ่มหรือลดลงยังไงแล้วจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง

โดยหยิบข้อมูลคะแนนสอบจากทางทปอ และเว็บ mytcas.com มาใช้ในการนำเสนอ

วิธีการดูคะแนน

  • คะแนนเฉลี่ย (Mean) คือ ค่าคะแนนที่คำนวณจากการนำคะแนนสอบของทุกคนในรายวิชานั้นๆมารวมกันทั้งหมดและหารด้วยจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมดในรายวิชานั้นๆ
  • มัธยฐาน (Median) คือ ค่ากลางของชุดข้อมูลเมื่อจัดเรียงข้อมูลจากคะแนนน้อยไปหามาก หรือจากคะแนนมากไปหาน้อย 
  • ฐานนิยม (Mode) คือ ค่าที่ปรากฏบ่อยที่สุดในชุดข้อมูล หรือค่าคะแนนที่มีจำนวนคนสอบได้คะแนนนี้มากที่สุด
  • ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) คือ ค่าที่ใช้ในการวัดการกระจายของข้อมูลจากค่าเฉลี่ย (Mean) ของชุดข้อมูล ซึ่งบ่งชี้ถึงว่าข้อมูลในชุดนั้นกระจายห่างจากค่าเฉลี่ยมากน้อยแค่ไหนถ้าค่าของ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ต่ำ หมายความว่า ข้อมูลส่วนใหญ่จะกระจุกตัวใกล้กับค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สูง หมายความว่า ข้อมูลจะกระจายตัวห่างจากค่าเฉลี่ยมาก
  • ค่า T-Score หรือคะแนน มาตรฐาน คือ การนำคะแนนของน้องๆที่ได้มาคำนวนทางสถิติเพื่อจะได้คะแนนมาตรฐาน โดยคะแนนจากการคำนวนนี้จะเป็นการปรับคะแนนค่าเฉลี่ยให้มาอยู่ตรงกลางที่ 50 คะแนน (บางมหาวิทยาลัยมีการกำหนด T-Score ขั้นต่ำไว้ด้วยในการคิดคะแนน TCAS)


คะแนนปี 65

คะแนนปี 66

 

คะแนนปี 67

 

น้องๆเห็นไหมจากข้อมูลคะแนนแต่ละปี ถึงแม้จะใช้ข้อสอบคนละชุด ระเบียบการของแต่ละปีจะไม่เหมือนกันแต่คะแนนสอบเฉลี่ยมีทั้งขึ้นและลดลงในแต่ละปีไม่ต่างกันมาก แต่ดีที่สุดอยากให้เปรียบเทียบคะแนนสอบปีล่าสุดเพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมายและวางแผนในการสอบปีถัดไปว่าอยากได้คะแนนที่เท่าไร เพื่อเพียงพอในการคำนวนคะแนนTCAS แล้วได้เข้าคณะที่น้องๆต้องการ 

เพื่อให้ดูง่ายพี่เลยทำสรุปคะแนนเฉลี่ยของแต่ละปีย้อนหลังไป 3 ปี (ปี65 – 67) ลงมาในตารางด้านล่าง

Average score A-level 2565
Average score A-level 2565

ดังนั้น น้องๆสามารถใช้ข้อมูลเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยในการตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และยืดหยุ่น

หลังจากที่เราได้เห็นคะแนนย้อนหลังและทบทวนอ่านหนังสือแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการตั้งเป้าหมาย แต่ว่าอย่าลืมว่าการตั้งเป้าหมายไม่ใช่แค่การตั้ง “จะต้องได้คะแนนนี้!” แต่มันต้องเป็นเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง เช่น “จะทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ให้เสร็จในเวลาที่กำหนด” หรือ “จะอ่านเนื้อหาวิชาเคมีให้ครอบคลุมมากขึ้น” เป็นต้น

แล้วอย่าลืมว่าเราต้องยืดหยุ่นด้วยนะครับ ถ้าเกิดพลาดจากการตั้งเป้าหมายในบางจุด เช่น เปิดข้อสอบไปทำข้อสอบเจอยากกว่าที่เตรียมตัวหรืออ่านหนังสือมาไม่ตรงกับข้อสอบก็ไม่ต้องเครียดเกินไป ค่อยๆ เปิดไปหรือข้ามไปข้อถัดไปเพื่อหาข้อที่พอทำได้ก่อนนะครับ

ทังนี้ทั้งนั้น ถ้าอยากได้ติวเตอร์ช่วยติวสอนวิชานั้นๆ พาตะลุยโจทย์ ช่วยปรับพื้นฐาน และช่วยวางแผนเตรียมตัวสอบเพื่อให้ได้คะแนนสอบดีๆอย่าลืมทักหา Tutor Superclass นะที่นี้มีทีมติวเตอร์เก่งๆมากมายที่คอยช่วยเหลืออยู่นะ